วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2558

สร้างความสำเร็จในการทำงาน...ด้วยตัวคุณเอง

ผู้แบ่งปัน (เล่าให้ฟัง)
นางสาวทัศนีย์วรรณ  สารมะโน >>>>>
ตำแหน่ง :  นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ

พักเบรกปันความรู้ของกองแผนงาน

คุณลิขิต (จด-ประมวล-กลั่นกรอง)
นางสาวศุภมาส  ยั่งยืน >>>>>
ตำแหน่ง : นักวิชาการคลังปฏิบัติการ

ความรู้ที่แบ่งปัน  :  สร้างความสำเร็จในการทำงาน...ด้วยตัวคุณเอง
เชื่อว่าเมื่อคนทุกคนก้าวเข้าสู่ช่วงวัยของการทำงานแล้ว..แต่ละคนย่อมมีความต้องการและความคาดหวังให้งานของตนประสบผลสำเร็จ โดยจะมีแนวทางและวิธีการในการสร้างความสำเร็จในหน้าที่การงานที่แตกต่างกันไป บางคนชอบเอาใจและหาวิธีการต่างๆ เพื่อสร้างความพึงพอใจจากหัวหน้างาน เพราะคิดว่าหัวหน้างานสามารถสนับสนุนความสำเร็จที่เกิดขึ้นให้กับตนเองได้ แต่บางคนประสบความสำเร็จได้จากการสนับสนุนของทีมงานโดยพยายามทำทุกวิถีทางให้สมาชิกในทีมรักใคร่.. เพื่อว่าจะได้สนับสนุนให้ตนเองประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานตามที่มุ่งหวังไว้ สำหรับบางคนเชื่อไสยศาสตร์ อาศัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย… และก็ยังมีอีกหลายต่อหลายคนที่มีความต้องการและความมุ่งหวังที่จะให้หน้าที่การงานของตนประสบความสำเร็จด้วยความสามารถและฝีมือของตัวเอง ความสำเร็จด้วยฝีมือของเราเองจะเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต ดังนั้นในส่วนนี้จึงขอนำเสนอเทคนิคและวิธีการเพื่อการสร้างความสำเร็จในการทำงานด้วยตัวคุณเองตามหลักการง่าย ๆ ของ “ D-E-V-E-L-O-P” ดังนี้
D Development ไม่หยุดยั้งการพัฒนา
E Endurance มุ่งเน้นความอดทน
V Versatile หลากหลายความสามารถ
E Energetic กระตือรือร้นอยู่เสมอ
L Love รักงานที่ทำ
O Organizing จัดการเป็นเลิศ
P Positive Thinking คิดแต่ทางบวก

Development : ไม่หยุดยั้งการพัฒนา
ผู้ที่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้จะต้องเป็นคนที่มีหัวใจของการพัฒนาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบุคลิกลักษณะ พฤติกรรม หรือแม้แต่วิธีการทำงาน โดยต้องเป็นผู้ที่มีการสำรวจและประเมินความสามารถของตนเองอยู่ตลอดเวลา คอยตรวจสอบว่าเรามีจุดแข็งและจุดบกพร่องในด้านใดบ้างและพยายามที่จะหาทางพัฒนาจุดแข็งและปรับปรุงจุดบกพร่องของตนให้ดีขึ้น เช่น ถ้าไม่เก่งภาษาอังกฤษ...ซึ่งจำเป็นต้องนำมาใช้ในการทำงาน... ก็ควรขวนขวายหาโอกาสที่จะเรียนเพิ่มเติมนอกจากนี้ยังต้องเป็นคนที่ไม่ยึดติดกับวิธีการหรือขั้นตอนการทำงานแบบเดิมๆ โดยควรจะหาเทคนิคและแนวทางใหม่ๆ เพื่อพัฒนาการทำงานของตนเองให้ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นอยู่เสมอ

Endurance : มุ่งเน้นความอดทน
ความอดทนเป็นพลังของความสำเร็จ… อดทนต่อคำพูด อดทนต่อพฤติกรรมการดูหมิ่นหรือสบประมาท อดทนต่อความเครียดในการทำงาน… คนบางคนลาออกจากที่ทำงานเพราะเจอหัวหน้างานพูดจารุนแรง หรือเพียงแค่ถูกต่อว่าต่อหน้าที่ประชุมเท่านั้น… คุณรู้ไหมว่าการลาออกจากงานบ่อยๆ นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะเวลาคุณไปสมัครงานที่ไหนเค้าอาจจะมองว่าคุณเป็นคนไม่มีความอดทนเลยก็เป็นได้ (เสียประวัติการทำงานของคุณเอง) หากคุณต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายหรือไม่ปรารถนา ขอเพียงแต่ให้คุณมีความอดทนและอดกลั้นเข้าไว้ แล้วคุณจะสามารถเผชิญกับปัญหาต่างๆ ได้สำเร็จ

Versatile : หลากหลายความสามารถ
หลาย ๆ องค์กรย่อมต้องการคนที่มีความรู้ และความสามารถให้เข้ามาพัฒนาและปรับปรุงองค์กรให้ดีขึ้น… ขอให้ลองคิดดูว่า ถ้าคุณเป็นเจ้าของบริษัท คุณอยากได้คนที่สามารถทำงานได้หลายๆ อย่าง หรือ ทำได้เฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง… แน่นอนคุณคงต้องการได้คนที่มีความสามารถทำงานได้หลากหลาย ไม่ปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงงานที่ได้รับมอบหมายพิเศษ… ซึ่งบางคนที่หลีกเลี่ยงงาน กลัวว่าจะต้องทำงานมากกว่าคนอื่น ไม่อยากให้ใครเอาเปรียบ ไม่เคยอาสาที่จะทำงานนอกเหนือจากงานที่รับผิดชอบ… แน่นอนว่าคนกลุ่มนี้ไม่มีทางที่จะได้รับความก้าวหน้าและความสำเร็จในชีวิตการทำงานได้เลย… ดีไม่ดีกลุ่มคนเหล่านี้อาจจะเป็นกลุ่มคนแรกที่ถูกพิจารณาให้ Lay Off ก่อนก็เป็นได้ (หากองค์กรต้องเผชิญกับสภาวะการเงินที่ถดถอย)

Energetic : กระตือรือร้นอยู่เสมอ
ความสำเร็จต่างๆ ย่อมเกิดขึ้นได้ถ้าคุณมีความกระตือรือร้น และมีความตื่นตัวที่จะแสวงความรู้ใหม่ๆ การรับฟังข้อมูลข่าวสารปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาและอุปสรรคให้ประสบผลสำเร็จ โดยส่วนใหญ่คนที่มีความกระตือรือร้นจะเป็นคนที่ชอบลองผิดลองถูก มาทำงานก่อนเวลาเสมอเพื่อหาโอกาสค้นคว้าข้อมูลและหาความรู้เพิ่มเติมพยายามที่จะให้งานเสร็จก่อนหรือตรงตามเวลาที่กำหนด ซึ่งแตกต่างจากคนที่ขาดความกระตือรือร้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ไม่อยากให้วันทำงานมาถึง รอคอยเวลาเลิกงานหรือเสร็จสิ้นสัปดาห์การทำงาน ทำงานเฉื่อยไม่สนใจรับฟังข้อมูลข่าวสารใดๆ เลย ขอเพียงให้งานของตนเองเสร็จเท่านั้นเพื่อที่จะได้กลับบ้านหรือไปที่ไหนๆ ตามที่ใจปรารถนา…. ซึ่งทำนายได้เลยว่า บุคคลเหล่านั้นไม่มีทางหรือมีโอกาสน้อยมากในการได้รับความสำเร็จและความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของตน

Love : รักงานที่ทำ
ขอให้ตระหนักไว้เสมอว่า “คนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะรักงานที่ทำอยู่ได้” พบว่าในยุคสมัยนี้การเลือกงานที่รักมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยกว่าการที่จะเลือกรักงานที่ทำ ดังนั้น “หากคุณไม่สามารถเลือกงานที่รักได้คุณก็ควรเลือกที่จะรักงานที่คุณทำ” เพราะความรู้สึกนี้เองจะส่งผลให้คุณมีความสุขกับงานของคุณขอให้คุณลองถามตัวเองว่าคุณรักงานที่ทำอยู่หรือไม่ แล้วคุณมีพฤติกรรมอย่างไรหากคุณมีความรู้สึกว่าคุณไม่รักงานที่ทำอยู่เลยและผลงานที่เกิดขึ้นของคุณเป็นอย่างไรบ้าง... บางคนเบื่อหน่ายกับชีวิต... ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม… ไม่มีเป้าหมายในการทำงาน ซึ่งย่อมแน่นอนว่าคุณคงไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานของคุณเลย…พื้นฐานของความสำเร็จอยู่ที่ความรักในสิ่งนั้น เมื่อคุณมีความรักคุณจะมีความสุขกับงานที่ทำ ซึ่งจะทำให้คุณพยายามหาวิธีการต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าของงานที่ทำอยู่ตลอดเวลา และนั่นจะส่งผลให้คุณรู้จักวางแผนชีวิตและเป้าหมายความสำเร็จในการทำงานของคุณ

Organizing : จัดการเป็นเลิศ
การจัดการงานที่ดี จะทำให้คุณรู้ว่าควรจะทำอะไรก่อนและหลังบ้าง สามารถจัดสรรเวลาและทรัพยากรต่างๆ ที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่ การจัดการจะเป็นสิ่งผลักดันให้คุณต้องวางแผนและเป้าหมายการทำงานอยู่เสมอ ทั้งนี้คุณเคยสำรวจตัวเองบ้างหรือไม่ว่า คุณมีความสับสนและไม่สามารถทำงานได้เสร็จตามแผนงานที่กำหนดไว้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองจะเป็นเครื่องบ่งบอกว่าคุณขาดประสิทธิภาพในการจัดการงานของคุณ คุณไม่สามารถบริหารทรัพยากรต่างๆ ที่มีให้เกิดประสิทธิผลได้

Positive Thinking : คิดแต่ทางบวก
ความคิดทางบวกจะเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้คุณมองโลกในแง่ดี มีกำลังใจและพลังที่จะทำงานต่างๆ ที่ได้รับมอบหมายให้ประสบผลสำเร็จ คนที่มีความคิดทางบวกจะเป็นคนที่สนุกและมีความสุขกับงานที่ทำ แสวงหาโอกาสที่จะช่วยเหลือและสนับสนุนผู้อื่นอยู่เสมอ… สำหรับผู้ที่มีความคิดในด้านลบอยู่ตลอดเวลา จะเป็นผู้ที่หมกมุ่นอยู่แต่กับปัญหาชอบโทษตัวเองและคนรอบข้างอยู่เสมอ ขาดความคิดที่จะพัฒนาตนเองและงานที่ทำ… ในที่สุดผลงานที่ได้รับย่อมขาดประสิทธิภาพ ดังนั้นหากคุณต้องการที่จะเป็นผู้หนึ่งที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน คุณควรประยุกต์ใช้หลักของการ “D-E-V-E-L-O-P” (ไม่หยุดยั้งการพัฒนา มุ่งเน้นความอดทน หลากหลายความสามารถ กระตือรือร้นอยู่เสมอ รักงานที่ทำ จัดการเป็นเลิศ คิดแต่ทางบวก) กล่าวโดยรวมก็คือ พัฒนาตนเองอยู่เสมอทั้งในด้านความคิด ความรู้ จิตใจ และการกระทำของตัวคุณ และนั่นเองจะส่งผลให้คุณมีความก้าวหน้าและประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างที่ตั้งใจและมุ่งหวังไว้

กินอาหารคลีน (Clean Food) ดีต่อสุขภาพ


พักเบรกปันความรู้ของ  กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร
ผู้แบ่งปัน (เล่าให้ฟัง)
นางสาวปนัสยา  เสียงก้อง
ตำแหน่ง : นักวิชาการคลัง

คุณลิขิต (จด-ประมวล-กลั่นกรอง)
นางสาวสุภาพ   โม้หอชัย 
ตำแหน่ง :  เจ้าหน้าที่ธุรการ

ความรู้เกี่ยวกับ  : กินอาหารคลีน (Clean Food) ดีต่อสุขภาพ
หน่วยงาน : กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร
CleanFood
          อาหารคลีน (Clean Food) คือ อาหารที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งด้วยสารเคมีต่างๆ หรือผ่านการแปรรูปน้อยที่สุดนั่นเอง อาหารเหล่านี้จะเป็นอาหารที่สดสะอาดไม่ผ่านกระบวนการหมักดองหรือปรุงรสใดๆ มากจนเกินไป เช่น เค็มจัดหรือหวานจัด เป็นต้นอย่างอาหารประเภทอาหารสำเร็จรูปที่แช่ตู้เย็นนั่นคือตรงข้ามเลย เพราะอาหารเหล่านี้มักใส่สารกันเสียเข้าไปด้วยเพื่อให้สามารถเก็บได้นานขึ้น หรือขนมขบเคี้ยวที่จะมีแต่แป้งและสารปรุงรสและยังเต็มไปด้วยโซเดียมกับน้ำมัน การปรุงอาหารแบบคลีนไม่ใช่การเน้นทานผักเยอะๆ แต่เป็นการทานอาหารทุกหมู่ในสัดส่วนที่เหมาะสมคือ ต้องมีทั้งคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เนื้อสัตว์ที่ใช้ควรเลือกแบบที่ไม่ใช่สำเร็จรูปหรือผ่านการปรุงรสมาแล้วจะเห็นได้ว่า อาหารคลีนเป็นอาหารที่ผ่านขั้นตอนการปรุงแต่งมาน้อย
หรือไม่ผ่านการปรุงแต่งเลย เน้นธรรมชาติของอาหารเป็นหลัก และอาหารคลีนยังมีสรรพคุณที่ดีสำหรับคนที่อ้วน คนที่มีน้ำหนักและไขมันมาก เพราะอาหารคลีนส่วนใหญ่ไม่ผ่านการปรุงแต่งสังเคราะห์ หรือหากจะมีการปรุงแต่งก็มีการปรุงแต่งที่น้อยถึงน้อยที่สุด ซึ่งจะมีผลดีต่อคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ลดไขมัน และคนที่ใส่ใจกับสุขภาพของตนเอง
สำหรับการเริ่มต้นการกินอาหารคลีน ต้องเริ่มต้นด้วยการไม่ยึดติดในรสชาติของอาหารแบบเดิมๆ ที่เราเคยรับประทาน เพราะการกินคลีนนั้นรสชาติจะเป็นรอง แต่จะให้ความสำคัญกับตัวอาหารที่ไม่เน้นการปรุงแต่ง หรือปรุงแต่งให้น้อยที่สุด เพื่อให้การกินอาหารคลีนได้รับประโยชน์สูงสุดแก่ร่างกาย และผลพลอยได้ทำให้สุขภาพดีในระยะยาว ไม่เจ็บป่วยง่าย ดังนั้น จึงจะเห็นได้ว่าอาหารคลีนนั้นเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ของคนรักสุขภาพ ที่ต้องการสรรหาแต่สิ่งดีๆ ให้กับตนเอง เพราะอาหารคลีนเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของเรานั่นเอง

ปรับตัวให้เข้ากับการทานอาหาร
อย่างแรกต้องค่อยเป็นค่อยไป อย่าถึงกับตัดขาดอาหารบางประเภทที่คุณชอบ เพียงแค่ลดปริมาณให้น้อยลงเรื่อยๆ จนคุณเริ่มคุ้นชินกับอาหารประเภทคลีน เพราะการลดอาหารปกติอย่างฉับพลันอาจจะมีผลเสียย้อนกลับมาอย่างเช่น รู้สึกไม่มีแรง หิวง่าย และมีอาการหงุดหงิดตลอดเวลา ทำให้การใช้ชีวิตคุณแย่ลง ซึ่งไม่ใช่การทานเพื่อสุขภาพแน่นอน เลือกอาหารที่สดใหม่อยู่เสมอ ควรเลือกทานอาหารสดใหม่ ในมื้ออาหารประจำวันของคุณให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ ผัก หรือผลไม้ เพราะจะทำให้คุณค่าทางสารอาหารเหล่านั้นอยู่ครบถ้วน รวมไปถึงผลไม้ตามฤดูกาล ก็เป็นอาหารที่ให้คุณค่าและดีต่อสุขภาพ อีกทั้งยังสดใหม่เช่นกันและกินอาหารสามมื้อไม่มีการอด ลองจัดเมนูให้เหมาะกับตัวเอง  และจัดตารางกินอาหารคลีนอย่างต่อเนื่องเริ่มจาก 1 เดือน พร้อมออกกำลังกายไปด้วย นอกจากจะรู้สึกดีกับตัวเองแล้วยังมีผลดีกับสุขภาพแน่นอน

สเต๊กปลาดอลลี่
ปลาดอลลี่หมักเกลือ Low Sodium นำไปย่างบนกระทะเทฟล่อน พอสุก โรยพริกไทยกินกับข้าวกล้อง 1 - 2 ทัพพี และผักต้ม


ข้าว (ไม่มัน) ไก่
หุงข้าวกล้องกับน้ำซุปผัก (ใส่เห็ดนางฟ้า) อกไก่ลอกหนังและไขมันออกให้หมดนำไปต้มหรือนึ่ง
น้ำจิ้ม เต้าเจี้ยว (ล้างน้ำออกเอาแต่เม็ด) ขิงแก่ พริกขี้หนู มะนาว น้ำหวานดอกมะพร้าว ซีอิ๊วดำ และน้ำเปล่า โขลกรวมกัน ชิมรสตามชอบ
น้ำซุปผัก ต้มน้ำเปล่ากับรากผักชีทุบ หัวไชเท้า ปรุงรสด้วยน้ำปลา เกลือ ซีอิ๊ว เน้นลดเกลือ

 
 

เมนูแนะนำเพิ่มเติม
1. ราดหน้าไก่ผักรวม
2. แกงส้มมะละกอกุ้ง
3. กะเพรากุ้ง
4. ผัดเปรี้ยวหวานกุ้ง
5. ผัดพริกแกงเขียวหวานไก่
6. ขนมจีนน้ำยาปู
7. ผัดพริกแกงไก่
8. ข้าวคลุกน้ำพริกปลาทูห่อไข่
9. ผัดพริกแกงถั่วฝักยาว
10. ผัดพริกแกงถั่วฝักยาวกุ้ง

ลดปริมาณน้ำตาลลง
โดยพยายามลดและหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่มีการเติมแต่งน้ำตาลลงไป อาหารต่างๆ โดยธรรมชาติแล้วส่วนใหญ่จะไม่มีส่วนของน้ำตาลผสมอยู่ ถ้าหากต้องการทานอาหารรสหวานแนะนำให้เลือกทานผลไม้ต่างๆ ที่มีรสหวาน ดีกว่าการทานอาหารที่มีส่วนผสมของสารที่ให้รสหวานผสมอยู่ แต่ถึงจะเป็นผลไม้ ก็ต้องรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ

เน้นการดื่มน้ำเปล่าให้มาก
ดื่มน้ำสะอาดในแต่ละวันให้เพียงพอ สังเกตสีของปัสสาวะให้ใกล้เคียงใสมากที่สุด แต่ก็ใช่ว่าจะกินได้แต่น้ำเปล่าอย่างเดียว ก็สามารถดื่มน้ำชาสมุนไพรหรือชาเขียวแทนน้ำได้ และน้ำชาพวกนี้ยังช่วยชำระล้างร่างกายแบบธรรมชาติได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถปรุงรสชาติด้วยมะนาวหรือรสชาติอื่นๆ ที่ไม่ใช่น้ำตาล ยังสามารถทำได้ เช่น การนั่งทานอาหาร

จัดให้อาหารที่ทานมีความสมดุล
อย่าตัดคาร์โบไฮเดรตหรือไขมัน แต่พยายามปรับให้เหมาะสม ช่วยสร้างรสชาติอาหาร และเป็นพลังงานชั้นดีต่อร่างกาย อีกอย่างไขมันแหล่งดีๆ มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไขมันจากปลา หรือถั่วต่างๆ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการนั่งทานอาหารที่มีประโยชน์เต็มไปด้วยโปรตีน คาร์โบไฮเดรตส่วนหนึ่ง ไขมันเล็กน้อยและผัก

เลือกทานแป้งได้ตามเหมาะสม
สามารถทานขนมปังอบในช่วงการทานเพื่อสุขภาพได้ เพียงแค่ลองเปลี่ยนแป้งปกติที่ใช้ในสูตรการทำเล็กน้อย โดยหันมาใช้แป้งอัลมอนด์ แป้งมะพร้าว แป้งข้าวกล้อง และแป้งข้าวโอ๊ตเป็นทางเลือกที่ดีเพื่อลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตในขนมปังอบและยังคงความอร่อยเหมือนเดิม โดยอาจจะอบให้มีรสชาติฟักทอง ผลไม้ตากแห้ง แป้งมีหลากหลายชนิดให้
เลือกเพื่อนำมาใช้ทำอาหาร ซึ่งแต่ละชนิดก็มีคุณค่าทางโภชนาการที่ต่างกันออกไป รู้จักสังเกตส่วนผสมให้มากขึ้น เวลาเลือกซื้อสินค้าควรเดินให้ทั่วร้านค้าอย่างซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ มีความแตกต่างกัน แต่มีอย่างหนึ่งที่เหมือนกันก็คือการจัดโซนเป็นส่วนของสด เช่น ผักสด เนื้อสด ผลไม้ต่างๆ เพราะฉะนั้นโซนรอบนอกของซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ จึงเป็นดินแดนของคนรักสุขภาพ เพราะฉะนั้นในระหว่างการเดินเลือกซื้ออาหารเข้าบ้าน ควรหักห้ามใจเมื่อได้เดินผ่านอาหารที่มีบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามหรือจะเป็นตู้แช่อาหารสำเร็จรูป ให้หลีกเลี่ยงซะ อาหารส่วนใหญ่ในปัจจุบันผลิตในกระบวนการอุตสาหกรรมและบรรจุอยู่ในบรรจุภัณฑ์ซึ่งเราไม่สามารถมองเห็นกระบวนการผลิตและอาหารได้ แต่ก่อนที่จะควักกระเป๋าจ่ายเงินเพื่อซื้ออาหารพวกนั้น ควรจะอ่านดูฉลากที่บรรจุภัณฑ์ก่อนว่ามีส่วนผสมอะไรบ้างในนั้น หลักการง่ายๆ ที่ดี คือ ถ้าไม่รู้จักส่วนผสมที่ผสมอยู่ในอาหารที่กำลังจะซื้อไปรับประทานนั้นให้หลีกเลี่ยงการทานจะดีกว่า