วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ชีวิตมั่งคั่งด้วยกระเป๋าสตางค์ใบเดียว

ความรู้เกี่ยวกับ  : ชีวิตมั่งคั่งด้วยกระเป๋าสตางค์ใบเดียว
โดย : นางชฎาพันธ์   โสมิยะ
หน่วยงาน สำนักงานคลังเขต 5


         กระเป๋าสตางค์ไม่ได้เป็นเพียงของใช้ประจำวันหรือเครื่องประดับเท่านั้น มันยังมีอำนาจมหัศจรรย์บางอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ แต่บรรดาเศรษฐีญี่ปุ่นรู้เป็นอย่างดีว่า มันสามารถเปลี่ยนคนสิ้นเนื้อประดาตัวและมีจุดเริ่มต้นที่ติดลบให้กลายเป็นมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งและมีความสุขในชีวิตได้เลย “คะเมะดะ จุนอิชิโร” เป็นที่ปรึกษาให้กับประธานบริษัทจำนวนมากในญี่ปุ่น เขาได้สังเกตวิธีการใช้กระเป๋าสตางค์ของกลุ่มคนที่ได้ชื่อว่าหาเงินเก่งที่สุดและมีฐานะมั่นคงที่สุด แล้วสรุปออกมาเป็นเคล็ดลับง่ายๆ ที่มีหลักจิตวิทยารองรับอย่างแยบยล และส่งผลโดยตรงต่อจำนวนเงินในกระเป๋า เช่น เปลี่ยนกระเป๋าสตางค์อย่างไรให้ชีวิตเปลี่ยนไปในพริบตา เงินก็เหมือนคน มันไม่ชอบกระเป๋าอ้วนๆ อัปลักษณ์ หรือรกรุงรัง เเละตัวอย่างอื่นๆ อีกมากมาย แล้วคุณจะพบว่า แค่กระเป๋าสตางค์ใบเดียวก็สามารถพลิกฐานะทางการเงินของคุณแบบหน้ามือเป็นหลังมือได้เลยทีเดียว!

เคล็ดลับการใช้กระเป๋าสตางค์ให้เป็นเศรษฐี
ใส่ธนบัตรคว่ำหัวลง
หันธนบัตรไปแนวเดียวกัน
ใช้กระเป๋าสตางค์ทรงยาว ไม่พับธนบัตรหรือนั่งทับกระเป๋า
ไม่ใส่สลิปในกระเป๋าสตางค์
ผู้บริหารงานที่การเงินดีกระเป๋าจะสวยมาก
แนะนำหลุยส์ วิตตอง หนังไทก้า แบบยาว
กระเป๋าต้องไม่อ้วน
ไม่ใส่เหรียญในกระเป๋าสตางค์
ธนบัตรมูลค่าสูงสุดเรียงไว้ด้านหลังไล่มาจนน้อยมูลค่ามากที่สุด
แลกแบงค์กลางไว้เยอะ ๆ
อย่าให้เงินหมดกระเป๋า
ราคาต้องแพงยิ่งแพงยิ่งดี
ทำความสะอาดอยู่เสมอ
ไม่พกบัตรสะสมแต้ม
แยกเหรียญไว้ในกระเป๋าอีก 1 ใบ ไม่วางแหมะ
ใช้อย่างสุภาพ
สรุป
“เงินก็เปรียบเสมือนคน”  ที่กำลังย่างก้าวเข้าสู่โรงแรมห้าดาว (กระเป๋าสตางค์คุณ)
มีใครละ! ที่ไม่อยากจะอยู่ในโรงแรมหรู มีแต่จะบอกว่า “อยู่ต่อเลยได้ไหม”



วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

กลยุทธ์ป้องกันโรคข้อเสื่อม

ความรู้เกี่ยวกับ  : กลยุทธ์ป้องกันโรคข้อเสื่อม

โดย :   นางไพลิน   เดชศร
           นักวิชาการคลังชำนาญการ
สำนักงานคลังเขต 1

กลยุทธ์ป้องกันโรคข้อเสื่อม
        เชื่อว่าทุกท่านต้องการให้ข้อต่อทั่วร่างกายแข็งแรง เพื่อการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพไปนานๆ ดังนั้น การทำความรู้จักชนิดและหน้าที่ของข้อจึงมีความจำเป็นเป็นอย่างมาก เพื่อให้เราสามารถดูแลข้อได้อย่างถูกต้องเหมาะสมซึ่งเคล็ดลับหรือกลยุทธ์ในการป้องกัน และหากท่านได้นำไปปฏิบัติในการดำรงชีวิตประจำวันจะสามารถป้องกันข้อเสื่อมได้เป็นอย่างดี
       ก่อนอื่นเรามารู้จักข้อในร่างกายแบ่งอย่างง่ายๆ เป็น 2 กลุ่ม คือ ข้อแกนกลางร่างกาย ได้แก่ ข้อกระดูกสันหลัง ที่เริ่มต้นจากต้นคอไปจนถึงก้นกบรวม และ ข้อส่วนปลาย ได้แก่ ข้อต่างๆบริเวณ แขน ขา มือ เท้า นิ้ว เช่น ข้อนิ้วมือ ข้อมือ ข้อเท้า ข้อเข่า เป็นต้น

        ดังนั้น  จึงขอแนะนำการดูแลสุขภาพข้อให้แข็งแรง โดยแบ่งเป็น 5 หัวข้อ ได้แก่ การกิน การพักผ่อน การออกกำลังกาย ทำงาน และการดูแลสุขภาพทั่วไป

6 วิธีกินช่วยข้อแข็งแรง
        เป็นที่แน่นอนว่า อาหารการกินล้วนส่งผลดีและผลเสียต่อข้อได้ หากกินอาหารไม่มีประโยชน์จะยิ่งเร่งให้ข้อเสื่อมเร็วขึ้น ดังนั้น เรามาดูกันว่า ควรกินอาหารอะไรและอย่างไรเพื่อให้ข้อแข็งแรง

       1. ควรกินอาหารที่อุดมด้วยแคลเซียม เพราะแร่ธาตุชนิดนี้ช่วยสร้างความแข็งแรงให้กระดูก และลดความเสี่ยงการเกิดโรคกระดูกพรุน อาหารที่เป็นแหล่งแคลเซียมได้แก่ โยเกิร์ต เนยแข็ง แต่ควรเลือกชนิดไขมันต่ำ ผักสีเขียว บรอกโคลี คะน้า ปลาเค็ม ปลาเล็กปลาน้อยที่เคี้ยวทั้งกระดูกได้ งาดำ เต้าหู้
        2. กินส้มหรือผลไม้รสเปรี้ยวแทนขนมจะดีต่อสุขภาพข้อมากกว่า เนื่องจากมีงานวิจัยสนับสนุนว่า วิตามินซีและสารแอนติออกซิแดนต์ในส้มหรือผลไม้รสเปรี้ยวช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมได้
        3. เพิ่มสีสันให้กับอาหารของคุณ กินผักและผลไม้ที่มีสีสันหลากหลาย เช่น มะเขือเทศสีแดง แครอตสีส้ม กะหล่ำปลีสีม่วง ข้าวโพดและฟักทองสีเหลือง ผักใบเขียวชนิดต่างๆ เพราะในผักและผลไม้เหล่านี้อุดมไปด้วย ใยอาหาร สารแอนติออกซิแดนต์ ซึ่งเป็นสารอาหารบำรุงข้อ
        4. กินปลาทะเลน้ำลึกอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง โดยเฉพาะปลาแซลมอนและปลาแมคคอเรลเพราะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง จากงานวิจัยพบว่า สารอาหารชนิดนี้สามารถช่วยให้ข้อแข็งแรง และลดอาการปวดและอักเสบในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบได้ โดยหลีกเลี่ยงการปรุงด้วยวิธีทอดหรือผัด แนะนำให้ใช้วิธีย่างหรือนึ่งแทนเพื่อลดปริมาณแคลอรีจากน้ำมัน
        5. ลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน คุณอาจต้องการเพิ่มพลังหรือปลุกตัวเองให้ตื่นในตอนเช้าด้วยกาแฟหอมกรุ่น แต่ควรงดกาแฟแก้วที่สองและสามระหว่างวันลง เพราะสารคาเฟอีนในกาแฟจะทำให้ร่างกายขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะ ส่งผลให้ระดับแคลเซียมในร่างกายเสียสมดุล จึงเกิดการสลายแคลเซียมในกระดูกมาใช้แทน
        นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนปริมาณมากเกินไป จะทำให้มวลกระดูกบางลง ถ้าเป็นไปได้ควรดื่มอย่างน้อยวันละ 1 แก้วน่าจะเพียงพอ
        6. กินอาหารให้หลากหลายเพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินครบถ้วน หากทำให้ไม่ได้ อาจกินวิตามินรวมเสริม ซึ่งการกินวิตามินรวมจะทำให้คุณได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่ขาดไป เช่น แคลเซียม  และวิตามินเค       นั้น มีส่วนช่วยในการสร้างกระดูก วิตามินซีช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ กรดโฟลิคและวิตามินอีช่วยบำรุงกล้ามเนื้อรอบ ๆ  ข้อ
7 เทคนิคพักผ่อนตัวช่วยข้อแกร่ง
       การพักผ่อนเป็นหลักหนึ่งในการสร้างสมดุลชีวิต หากเลือกวิธีพักผ่อนอย่างชาญฉลาด นอกจากทำให้หายเครียดแล้ว ยังช่วยให้สุขภาพข้อแข็งแรงด้วย มีอะไรบ้าง มาดูกัน
1. ปิดโทรทัศน์ การดูโทรทัศน์ นอกจากจะทำให้คุณต้องนั่งอยู่เฉยๆซึ่งทำให้ข้อต่อและกล้ามเนื้อยึดติดกันแล้ว ยังทำให้การเผาผลาญพลังงานในร่างกายช้าลง และมีแนวโน้มทำให้คุณกินอาหารมากขึ้นอีกด้วย ดังนั้น ไม่ควรใช้เวลาดูโทรทัศน์นานเกินไป ควรลุกไปทำกิจกรรมอย่างอื่นบ้าง เช่น อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ เดินชมสวน หรือเล่นกีฬาที่ชอบ เป็นต้น
2. ออกไปเที่ยวนอกบ้าน เพราะนอกจากจะเป็นการผ่อนคลายตัวเองจากความเครียดแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายได้เผาผลาญพลังงานอีกด้วย หรือ การทำกิจกรรมนอกบ้าน เช่น ทำสวน เป็นวิธีกระชับกล้ามเนื้อแขนและขาที่ส่งผลดีต่อสุขภาพข้อด้วย
3. เดินไกล โดยเลือกเดินในสถานที่ที่คุณชื่นชอบอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง การเดินระยะไกลจะช่วยเผาผลาญพลังงาน เสริมสร้างกล้ามเนื้อ ช่วยสร้างกระดูก และได้เพลินเพลินใจไปกับการชมทิวทัศน์ที่สวยงามของธรรมชาติ
4. พาสัตว์เลี้ยงเดินเล่น ไม่เพียงช่วยให้สุขภาพจิตของสัตว์เลี้ยงดีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สุขภาพร่างกายและจิตใจแข็งแรงไปด้วย
5. เขียนบันทึกเป็นประจำ โดยการบรรยายอารมณ์ ความรู้สึก เช่น ความกลัวในส่วนลึก ความรู้สึกผิดหวัง เสียใจ สามารถถ่ายทอดทุกมุมมองต่อเรื่องราวหรือสิ่งนั้นๆได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวด เกิดความผ่อนคลาย ลดความตึงของกล้ามเนื้อ ที่สำคัญ เมื่อย้อนกลับมาอ่านข้อความที่เคยเขียนไว้ อาจทำให้เกิดมุมมองต่อการแก้ปัญหาในชีวิตได้
6. ลาพักร้อนหรือหยุดพักจากงานประจำของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นแม่บ้าน หรือเป็นสาวออฟฟิศ ต้องหาเวลาหยุดพัก เพื่อไปทำกิจกรรมต่างๆ ที่ชื่นชอบ เป็นการสลายความเครียดและให้ร่างกายเคลื่อนไหวอย่างผ่อนคลาย
7. รู้จักปฏิเสธกิจกรรมทำลายสุขภาพอาจเป็นการยากในการปฏิเสธเพื่อนๆที่ชวนทำกิจกรรมทำลายสุขภาพ เช่น ปาร์ตี้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือกินบุฟเฟ่ต์ แต่เมื่อได้ลองปฏิเสธไปสักครั้ง หลังจากนั้น เพื่อนๆ ก็จะเข้าใจตัวคุณมากขึ้น และบางทีเพื่อนๆ อาจมาดูแลสุขภาพเหมือนคุณก็ได้

        ปัญหาข้อเสื่อมมีโอกาศเป็นได้ทุกคน ถ้าเราไม่รู้จักดูแลสุขภาพข้อให้แข็งแรง

วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2557

กินอะไรดีนะ ..... ถึงจะสวย หล่อ และดูดี .....


ความรู้เกี่ยวกับ  :  กินอะไรดีนะ ..... ถึงจะสวย หล่อ และดูดี .....
โดย : นางเกศกนก  สุขมานะ  ตำแหน่งนักวิชาการคลังชำนาญการ
หน่วยงาน ส่วนบริหารการจ่ายเงิน 1 สำนักบริหารการรับ - จ่ายเงินภาครัฐ

ใครๆ ก็อยากเป็นคนสวยเป็นคนหล่อ ... ดูดี กันทั้งนั้น ปัจจัยหลักขึ้นอยู่กับพันธุกรรม ที่ทำให้คนเรามีหน้าตาดีแบบนี้ แต่ยังมีปัจจัยต่อมาที่สำคัญอย่างมาก คืออาหารที่เรารับประทานกันทุกวันช่วยทำให้คนเราเป็นคนสวยคนหล่อโดยไม่ต้องเสียเงินทองมากมาย และก็ไม่ต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัวกับการทำศัลยกรรม ซึ่งใครๆ ก็สามารถนำมาใช้ได้

1.ถ้าคุณอยากรูปร่างดี  ควรรับประทานอาหารที่มีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมัน เช่น
-กระเทียม ขิง ข่า พริก อาหารเหล่านี้มีรสชาติเผ็ดร้อน ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงเป็นการช่วยเผาผลาญไขมัน
-แอปเปิ้ล ช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีและมีเส้นใยที่ช่วยทำให้สะอาด ในแอปเปิ้ล มีน้ำตาลฟรุกโทส ซึ่งเป็นสารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย ทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่มนาน จึงเหมาะกับคนที่ต้องการลดความอ้วน
-ชา มีงานวิจัยมากมายที่กล่าวตรงกันว่า นอกจากชาจะมีสารช่วยต่อสู้โรคมะเร็งแล้ว  การดื่มชาอุ่นๆ หลังอาหารยังช่วยกำจัด และเผาผลาญไขมันในร่างกายได้อีกด้วย
-โยเกิร์ต การรับประทานโยเกิร์ตชนิดธรรมชาติที่ไม่มีน้ำตาลควบคู่ไปกับอาหารแต่ละมื้อ จะช่วยในการลดน้ำหนักและลดไขมันได้
2.ถ้าคุณอยากผิวสวย  ขอแนะนำให้กินผักและผลไม้มากๆ เพราะในผักผลไม้ มีวิตามินซี และวิตามินเอ เช่น
-กะหล่ำปลี ผักกาดหอม ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน ที่จะช่วยในเรื่องของผิวพรรณโดยตรง
-กล้วย มีสารโพแทสเซียม ซึ่งช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย ทำให้ลดอาการท้องผูก ทำให้มีผิวพรรณสดใส อ่อนวัย
-ส้ม มะนาว ฝรั่ง เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีที่ช่วยผิวสร้างคอลลาเจน ทำให้หน้าลดริ้วรอย และนอกจากนี้เส้นใยขาวๆ ระหว่างเปลือกกับเนื้อส้มยังเป็นแหล่งของสารฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยบำรุงผิวให้อ่อนเยาว์อีกด้วย
-ไข่ มีสารไบโอติน ที่ช่วยปกป้องผิวแห้ง และมีโปรตีนที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวหนัง
-ปลา มีกรมไขมันโอเมก้า 3 โดยเฉพาะปลาที่มีไขมันสูง เช่น ปลาทูน่า ปลาทู ปลาแซลมอน ปลากะพง ปลาสำลี ปลาเก๋า ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังและทำให้ผนังเซลล์แข็งแรง
3.ถ้าคุณอยากมีดวงตาที่สวย  การมีดวงตาที่สดใสเป็นประกาย รวมถึงการมีผิวพรรณรอบดวงตาที่สวยมีสุขภาพดี ย่อมเป็นที่ปรารถนาของทุกคน ซึ่งอาหารที่ช่วยให้ดวงตาสวย คือ
-ฟักทอง มีวิตามินซี วิตามินเอ แคลเซียมและเบต้าแคโรทีน ยังช่วยบำรุงสายตา และทำให้ดวงตาเป็นประกายแจ่มใส
-ผักบุ้ง คะน้า หอมหัวใหญ่ นอกจากจะช่วยในเรื่องของการสร้างเม็ดเลือดแดงแล้ว ยังช่วยบำรุงกระจกตาให้แข็งแรงอีกด้วย

วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557

15 นาที กับ 6 วิธี ดูแลรักษารถยนต์ แบบง่าย ๆ ด้วยตัวคุณเอง

ความรู้เกี่ยวกับ  : 15 นาที กับ 6 วิธี ดูแลรักษารถยนต์ แบบง่าย ๆ ด้วยตัวคุณเอง
โดย : นายทองใจ  ปัญญาราช
          เจ้าพนักงานขับรถยนต์ ส. 2
          หน่วยงาน สำนักงานคลังเขต 5  

ในยุคเศรษฐกิจที่ตกต่ำค่าครองชีพสูงขึ้นผู้คนส่วนใหญ่พยายามรัดเข็มขัดประหยัดเงินกันอย่างเต็มที่ ทางเลือกอีกวิธีหนึ่งของคนมีรถที่ช่วยในการลดค่าใช้จ่ายคือการดูแลรักษารถสุดที่รักของตัวเองให้อยู่กับเราไปได้นานที่สุด ไม่เสื่อมอายุการใช้งานเร็วเกินไป 
              สำหรับผู้ใช้รถทุกท่าน การดูแลรักษาเครื่องยนต์ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการยืดอายุการใช้งานรถของคุณ ปกติเราต้องตรวจตราดูแลรถยนต์อย่างสม่ำเสมออาจจะสัปดาห์ละครั้งสำหรับการดูแลอย่างละเอียดแต่ถ้าเป็นไปได้ถ้าเราหมั่นดูแลรถของเราทุกวันก็จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ทุกวันนี้ถึงแม้นจะมีศูนย์ให้บริการดูแลรักษารถตามสถานที่ต่าง ๆ ตรวจเช็คระยะตลอดทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร แต่คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่ารถของคุณนั้นจะไม่เกิดปัญหาระหว่างทาง
ทางที่ดีที่สุดคือความไม่ประมาท ควรจะหมั่นตรวจสอบอยู่เป็นระยะ ๆ เมื่อเกิดปัญหาจะได้ไม่บานปลายจนต้องเสียเงินไปอีกหลายพันจนถึงเป็นหมื่น ๆ บาท การดูแลรักษารถยนต์นั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่ยุ่งยากและเสียเวลามากเลย เรามีข้อควรปฏิบัติอย่างง่ายสำหรับการดูแลรักษารถยนต์ประจำวันของคุณมานำเสนอครับ
                ประการที่ 1 
                ที่จะต้องตรวจก็คือ ลมยาง ตรวจง่าย ๆ ด้วยสายตาว่ามันแฟบอ่อนหรือเปล่า ดูทุกเส้นนะครับ เพราะถ้าลมยางของแต่ละล้อไม่เท่ากันจะมีผลต่อการทรงตัวของรถ ทำให้เบรกปัด วิ่งส่าย รถแถไปด้านหนึ่ง เป็นที่มาของการเกิดอุบัติเหตุด้วย อาจจะทำให้อายุของยางสิ้นลง จึงต้องควักระเป๋าก่อนถึงเวลาอันควรด้วยนะครับเพราะฉะนั้นถ้าพบว่าแรงดันลมไม่เท่ากันต้องตรวจเติมลมให้เรียบร้อย
                ประการที่ 2
                ที่ต้องตรวจนั้นคือ ตรวจดูรอยหยดรั่วของน้ำและน้ำมันต่าง ๆ ใต้ท้องรถซึ่งก้มดูด้วยสายตาทำได้ง่าย ๆ
ถ้าพบว่ารั่วที่ล้อและเป็นน้ำมันเบรกจะต้องงดใช้งานรีบปรึกษาช่างและเมื่อตรวจพบว่าน้ำระบายความร้อนรั่วหยดให้หาที่มาของการรั่ว  ถ้าเป็นข้อต่อให้ใช้ไขควงกดอัดแน่นและถ้าพบรอยรั่วของน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ หรือน้ำมันเฟืองท้ายก็อย่านิ่งนอนใจ เมื่อมีเวลาจะต้องนำไปปรึกษาช่างเพื่อทำให้รอยรั่วนั้น ๆ หมดไป ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยต่อกลไกดังกล่าวของรถยนต์
                 ประการที่ 3
                 การดูแลน้ำระบายความร้อน วิธีดูก็ไม่ได้ยุ่งยากเลยนะครับ เพียงตรวจโดยการเปิดฝาหม้อน้ำออกถ้าพบว่าน้ำพร่องน้อยลงไปก็ใช้น้ำสะอาดเติมลงไปให้เต็ม สำหรับรถบางคันนะครับ ลองสังเกตดูว่าถ้ามีขวดพลาสติกที่เก็บน้ำอยู่และมีท่อเล็ก ๆ ต่อไปถึงหม้อน้ำก็ไม่ต้องเปิดฝาหม้อน้ำนะครับให้ดูระดับน้ำที่ขวดเก็บน้ำสำรองแทน ถ้าน้ำยังอยู่ในระดับที่กำหนดก็ไม่ต้องเติมแต่ถ้าต่ำก็ให้เปิดฝาขวดเก็บน้ำสำรอง แล้วเติมน้ำสะอาดให้เต็มนะครับ เรื่องดูแลน้ำระบายความร้อนอย่าละเลยเพราะจะทำให้เครื่องยนต์ของท่านเสื่อมสภาพเร็วได้นะครับ
                ประการที่ 4
                ดูแลตรวจเติมระดับน้ำมันเครื่องนะครับเพราะถ้าน้ำมันเครื่องพร่องหรือแห้งจะทำให้เกิดการสึกหรอภายในเครื่องยนต์วิธีตรวจระดับน้ำมันเครื่องก็ไม่ยุ่งยากอะไรเลย เพียงแต่ดึงเหล็กวัดออกมาเช็ดทำความสะอาดแล้วใส่กดลงไปยังตำแหน่งของมันให้สุดจากนั้นดึงออกมาตรง ๆ ในแนวดิ่งระดับน้ำมันจะสังเกตได้จากรอยคาบน้ำมันที่เกาะอยู่ปลายเหล็กวัด น้ำมันจะต้องอยู่ระหว่างกลางขีดที่มีอักษร l (Low) และ F (Full) ถ้าต่ำจาก l ก็ให้เติมให้อยู่ในระดับเท่าเดิมและไม่ควรเติมจนเกินอักษร F เพราะจะทำให้ควันขาวจากน้ำมันเครื่องเข้ามาห้องเผาไหม้และเพลาข้อเหวี่ยงรั่วนะครับ ซึ่งก็ไม่เป็นผลดีต่อเครื่องยนต์เลย
               ประการที่ 5
               การตรวจเติมน้ำมันเบรกในกระบอกเก็บน้ำมันเบรกที่แม่ปั๊มเบรก  ถ้ามีระดับก็ไม่ต้องเติมนะครับแต่ถ้าพร่องต่ำกว่าขีดที่กำหนดให้เติมจนได้ระดับที่ถูกต้อง การเติมน้ำมันเบรกมีข้อควรระวังก็คือ อย่าให้น้ำมันเบรกหกราดโดนสีรถจะทำให้สีเสียหาย และถ้าหกห้ามเช็ดนะครับ ให้ใช้น้ำราดให้เจือจางเพราะจะทำให้สีเสียหายเป็นแผลทางยาวไปตลอดแนวที่เช็ด สำหรับน้ำมันเบรกนั้นถ้าพร่องมาก ๆ ทุกวันจะต้องรีบนำรถไปปรึกษาช่างเพราะเบรกคือชีวิต มีชีวิตของใครบ้างหรือครับก็ชีวิตของท่านและผู้ที่โดยสารมากับท่านรวมถึงผู้ร่วมใช้รถใช้ถนนกับท่านด้วย
               ประการสุดท้าย
               การบำรุงรักษาประจำวัน คือกระบอกคลัตช์น้ำมันจะต้องมีการตรวจเติมน้ำมันให้อยู่ในระดับที่ถูกต้อง กระบอกดังกล่าวอยู่ข้าง ๆ กระบอกน้ำมันเบรกและน้ำมันที่เติมก็คือน้ำมันเบรกนั่งแหละ อย่าละเลยครับเพราะถ้าน้ำมันหมดจะเข้าเกียร์ไม่ได้นั่งคือรถวิ่งไม่ได้นั่นเอง
               เพียงท่านสละเวลาเพียง 15 นาทีต่อวันหมั่นดูแลรักษาสภาพเพียงเท่านี้รถของท่านก็จะอยู่ไปกับเราได้อีกนานครับ