ผู้แบ่งปัน (เล่าให้ฟัง)
นางณัฐฌา วณิชย์รุจี
นักวิชาการเงินและบัญชีชำนาญการ
คุณลิขิต (จด-ประมวล-กลั่นกรอง)
นางเพ็ญประภา พนิชการ
นักวิชาการคลังปฏิบัติการ
ความรู้เกี่ยวกับ :7 อาหารฮิต เสี่ยงโรค !
สำนักงานคลังเขต 1
7 อาหารฮิต เสี่ยงโรค !
ปัจจุบันนี้อาหารมีให้เลือกมากมาย แต่อาหารยอดฮิตที่เรารับประทานเป็นประจำนั้น บางชนิดนั้นกลับเสี่ยงต่อโรค ซึ่งอาหารเสี่ยงโรคยอดฮิตมีดังนี้
อาหารเสี่ยงโรค 1 เครื่องดื่มรสหวานต่างๆ เช่น กาแฟเย็น ชาเย็น ชาเขียวนมสด ฯลฯ
ในน้ำหวานประกอบไปด้วยน้ำตาลปริมาณมาก อีกทั้งยังมีแคลอรี่ที่สูง ยกตัวอย่าง เช่น กาแฟเย็นแก้วหนึ่ง มีแคลอรี่เฉลี่ยอยู่ที่ 97-400 กิโลแคลอรี่ โดยเป็นไขมัน 0.4-22.1 กรัม โปรตีน 0.6-10.9 กรัมคาร์โบไฮเดรต 14.4-49.4 กรัม เป็นส่วนที่เป็นน้ำตาล 11-38 กรัม หรือประมาณ 3-10 ช้อนชา
(ข้อมูลจาก สสส. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) อีกทั้งองค์การอนามัยโลกยังแนะนำไว้ว่าไม่ควรบริโภคน้ำตาลจากอาหารทุกชนิดเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน (ข้อมูลจากแฟนเพจ
“ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์”) คอลัมนิสต์ชื่อดังผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
ความเสี่ยงต่อโรค :
โรคเบาหวาน
โรคความดันโลหิตสูง
มีความเสี่ยงทำให้สมองพัฒนาช้าลง เนื่องจากในกาแฟมีสารคาเฟอีนจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลทำให้เกิดความเสี่ยง (ข้อมูลจาก : มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์)
อาหารเสี่ยงโรค 2 น้ำอัดลม
ในน้ำอัดลมประกอบไปด้วย น้ำ,น้ำตาล,คาเฟอีน,วัตถุกันเสีย, กรดคาร์บอนิก, กรดฟอสฟอริก,สี กลิ่น สี และรส อีกทั้งในน้ำอัดลม1 กระป๋อง (325 มิลลิลิตร) ยังมีน้ำตาลในปริมาณที่สูงมากถึง 38 กรัม หรือประมาณกว่า 7 ช้อนชาเลยทีเดียว
ความเสี่ยงต่อโรค :
โรคเบาหวาน
โรคหลอดเลือดหัวใจ
โรคอ้วน
โรคความดันสูง
โรคมะเร็ง (ผลสำรวจพฤติกรรมของนักวิจัยของสถาบันคาโรลินสกา ประเทศสวีเดน)
โรคกระเพาะ (คนเป็นโรคกระเพาะควรหลีกเลี่ยง)
อาหารเสี่ยงโรค 3 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปประกอบไปด้วยเส้นที่ทำมาจากแป้งสาลี หรือแป้งชนิดอื่นๆ และมาพร้อมเครื่องปรุง ซึ่งประกอบไปด้วยผงชูรสเลยทำให้ในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีโซเดียมสูงมาก หากร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินความจำเป็น จะทำให้เกิดอาการอ้วนบวมน้ำ แถมยังเป็นอันตรายต่อไต อีกทั้งยังทำให้ขาดสารอาหารอีกด้วย แต่ถ้าใครเกิดนึกอยากรับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้นมาทางที่ดีควรใส่ผัก ไข่และเนื้อสัตว์ ลงไปด้วย อย่างน้อยก็เพื่อเป็นการเพิ่มสารอาหารหรือนำมาดัดแปลงเป็นเมนูใหม่อย่าง ยำมาม่า ต้มยำมาม่า ฯลฯ นอกจากนี้แล้วนั้นทางกระทรวงสาธารณะสุขแนะนำมาว่าไม่ควรรับประทานมากเกินวันละ 1 ซอง เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณเอง
ความเสี่ยงต่อโรค :
โรคหัวใจ
โรคไต
โรคความดันโลหิตสูง
โรคขาดสารอาหารเพราะมีสารอาหารไม่ครบถ้วน
อาหารเสี่ยงโรค 4 อาหารปิ้งย่าง อาทิ หมูปิ้ง ไก่ปิ้ง ตับปิ้ง ฯลฯ
ในอาหารปิ้งย่างนั้นมีฤทธิ์ก่อให้เกิดโรคมะเร็งเพราะมีสารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนและสารเฮทเทอโรโซ คลิกเอมีน ซึ่งสารนี้จะเกิดจากการเผาไหม้โปรตีน ทั้งนี้ในวารสาร Food Journal (ข้อมูลจากhttp://www.jr-rsu.net) ยังได้ระบุอีกด้วยว่า ข้าวเหนียวครึ่งทัพพีมีพลังงาน 80 กิโลแคลอรี่ หมูปิ้ง 1 ไม้คิดเป็น 130 แคลอรี่ โดยส่วนใหญ่คนจะนิยมรับประทานประมาณ 3 ไม้ ต่อ 1 คน ซึ่งคิดเป็นพลังงาน 470 กิโลแคลอรี่ ซึ่งมีแคลอรี่ใกล้เคียงกับข้าวมันไก่ที่มีแคลอรี่ 457 กิโลแคลอรี่เลยทีเดียว
ความเสี่ยงต่อโรค :
โรคมะเร็ง
โรคอ้วน
อาหารเสี่ยงโรค 5 ขนมขบเคี้ยว ขนมกรุบกรอบ
ไม่ว่าจะเป็น ขนมถุง,ลูกอม,หมากฝรั่ง,ช็อกโกแลต ฯลฯ ซึ่งขนมขบเคี้ยวบางชนิดจะประกอบไปด้วยน้ำตาล ไขมันที่ค่อนข้างสูง ยิ่งในขนมกรุบกรอบด้วยแล้วนั้นส่วนใหญ่จะทำมาจากแป้ง มีไขมันปริมาณสูง อีกทั้งยังพ่วงโซเดียมจากผงชูรสที่เกิดจากการแต่งรสแต่งกลิ่นอีกด้วย
ความเสี่ยงต่อโรค :
โรคไต
โรคความดันโลหิตสูง
โรคอ้วน
อาหารเสี่ยงโรค 6 ขนมปังหรือเบเกอรี่ขัดขาวต่างๆ อาทิ เค้ก คุกกี้ ปาท่องโก๋ เบเกอรี่ต่างๆ
ขนมปังหรือเบเกอรี่ขัดขาวต่าง ๆ ถือได้ว่าเป็น คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว ประกอบไปด้วยแป้งซึ่คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวนั้นสามารถเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ทันทีหลังจากที่เรารับประทานเข้าไป ทั้งนี้จึงทำให้เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างรวดเร็ว ทางที่ดีหากอยากรับประทานขนมปัง หรือเบเกอรี่ต่าง ๆ ควรหันมาทานแบบคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนหรือแป้งที่ไม่ผ่านกระบวนการขัดขาวอย่าง ขนมปังโฮลวีต,คุกกี้ข้าวโอ๊ต ฯลฯ ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าไม่น้อย
ความเสี่ยงต่อโรค :
โรคเบาหวาน
โรคอ้วน
โรคหัวใจ
อาหารเสี่ยงโรค 7 อาหารฟาสต์ฟู้ด
ไม่ว่าจะเป็นแฮมเบอร์เกอร์, เฟรนช์ฟรายส์ และอื่นๆ อาหารประเภทนี้มีปริมาณแป้ง ไขมัน และน้ำตาลสูง หากรับประทานเป็นประจำจะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ ตามมาได้
ความเสี่ยงต่อโรค :
โรคอ้วน
โรคไขมันในเลือดสุง
โรคหัวใจขาดเลือด
โรคซึมเศร้า (ผลการสำรวจของนักโภชนาการจากมหาวิทยาลัยตะวันออกของฟินแลนด์)
เสี่ยงต่อการทำลายตับ (ข้อมูลจาก รายการโทรทัศน์"the doctors" ที่ออกอากาศในหลายประเทศ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น