วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เกร็ดความรู้เรื่องกินผลไม้อย่างไรให้ได้รับประโยชน์สูงสุด

ความรู้เกี่ยวกับ : เกร็ดความรู้เรื่องกินผลไม้อย่างไรให้ได้รับประโยชน์สูงสุด
โดย : นางไพลิน   เดชศร  นักวิชาการคลังชำนาญการ
คุณลิขิต (จด-ประมวล-กลั่นกรอง)
นางกนกพร  มีสุข
ตำแหน่ง นักวิชาการคลังชำนาญการ
   
กินผลไม้อย่างไร ให้ได้รับประโยชน์สูงสุด
 “โดยปกติคนส่วนใหญ่มักคิดว่า การทานผลไม้ ต้องทานหลังทานข้าว” ซึ่งความจริงแล้ว เราควรรับประทานผลไม้ก่อนอาหาร เพราะผลไม้บางชนิดอาจทำให้การทำงานของกระเพาะไม่ดี ทำให้อาหารค้างในลำไส้นานกว่าปกติ แถมวิตามินที่ควรจะได้นั้น บางทีก็ไม่ได้รับการดูดซึม  จึงควรทานผลไม้ก่อนอาหาร เพื่อวิตามินจะได้ดูดซึม
ทั้งนี้ การทานผลไม้หลังอาหาร จะทำให้ท้องอืด ยกเว้นมะละกอกับสับปะรดให้กินหลังอาหารได้เพราะมีกรดช่วยย่อย โดยปกติผลไม้ย่อยได้เร็วกว่าข้าว ชิ้นผลไม้จะถูกย่อยอย่างรวดเร็ว และพร้อมที่จะผ่านกระเพาะไปสู่ลำไส้ แต่หากกินหลังข้าวเส้นทางมันถูกขวางไว้โดยข้าวซึ่งใช้เวลาย่อยนานกว่า เป็นเวลาที่อาหารทั้งหมดผ่านกระบวนการหมักและเปลี่ยนสภาพเป็นกรด จากนั้นเมื่อผลไม้สัมผัสกับอาหารในกระเพาะและน้ำย่อย อาหารทั้งหมดก็จะเริ่มบูดเสีย ดังนั้น  จะเป็นการดีกว่าถ้าเรากินผลไม้ในขณะท้องว่าง หรือก่อนมื้ออาหารและที่สำคัญหลังรับประทานอาหารไม่ควรดื่มน้ำทันที  การจะดื่มแก้อาหารติดคอเล็กน้อยได้ควรเว้นระยะห่าง 15 นาที เพื่อให้น้ำย่อยทำงานในการย่อยอาหาร”
ส่วนใหญ่แล้วน้ำดื่มคนเราจะเลือกดื่มหลังอาหารทันทีมากกว่าเมื่อกินข้าวอิ่มทุกมื้อเลย คุณหมอจะแนะนำให้เวลาประมาณ 15 นาทีค่อยดื่มน้ำตามทีหลัง จะได้ไม่มีอะไรบูดค้างอยู่ในกระเพาะของเรา
ผลไม้ เป็นสิ่งจำเป็นที่คนเราควรรับประทาน เพราะในผลไม้มีกากใยอาหารและวิตามิน เกลือแร่ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอยู่มากมาย อีกทั้งน้ำและกากใยในผลไม้ช่วยในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย จึงช่วยลดน้ำหนักได้ และร่างกายจะใช้ประโยชน์จากผลไม้สูงสุดต่อเมื่อคนนั้นต้องกินผลไม้อย่างถูกวิธี
     การกินผลไม้ขณะที่ท้องว่าง ไม่ควรกินผลไม้พร้อมกับหรือหลังอาหารอื่นๆ หรือหากกินผลไม้แล้วจะกินอาหารอื่นตาม ก็ควรรอเวลาอย่างน้อย 20-30 นาทีเพื่อให้ผลไม้ที่กินเข้าไปตกสู่ลำไส้เล็ก และดูดซึมสารอาหารจากผลไม้เข้าสู่ร่างกายได้อย่างเต็มที่
เหตุผลที่ห้ามกินผลไม้หลังอาหาร
เมื่ออาหารตกถึงกระเพาะจะใช้เวลาย่อยประมาณ 4 ชั่วโมง หากกินผลไม้ตามลงไปแทนที่ จะผ่านไปยังลำไส้เล็กได้เลยก็จะต้องถูกขัดขวางจากอาหารที่รอการย่อยเหล่านั้น ระหว่างนี้ทั้งอาหารและผลไม้ที่ผสมกันในกระเพาะจึงอาจทำให้เกิดการหมักบูด เกิดแก๊ส ซึ่งมีผลให้เกิดอาการแน่น จุก หรือไม่สบายท้องได้  ทั้งนี้  คุณค่าของผลไม้จะให้ประโยชน์กับเราเต็มที่เมื่อกินขณะท้องว่าง แต่หากใครที่กินผลไม้ไม่ถูกวิธี แต่ไม่รู้สึกแย่อะไรก็แสดงว่าร่างกายปรับตัวได้ดี แต่ท่านอาจไม่ได้รับคุณค่าของผลไม้เต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น ดังนั้นหากใครที่กินอาหารแล้วต้องการกินผลไม้ตาม ควรรอเวลาให้อาหารที่กินเข้าไปก่อนหน้านั้นย่อยหมดก่อน แล้วจึงค่อยกินผลไม้
คำแนะนำการกินผลไม้
          - หากเป็นอาหารเบาๆ เช่น สลัดผักสด ใช้เวลารอประมาณ 2 ชั่วโมง
          - หากเพิ่งกินอาหารหนักอย่าง เช่น ข้าว หรือเนื้อสัตว์ ที่ใช้เวลาย่อยนานขึ้น ก็อาจต้องรออย่างน้อย 4 ชั่วโมง
          - หากกินอาหารหลายๆ อย่างรวมกัน มีกากใยน้อย ย่อยยากขึ้น ก็อาจใช้เวลามากถึง 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งไม่แนะนำให้กินผลไม้ตามไปในช่วงเวลานั้นเลย
           ดังนั้น  เวลาที่เหมาะสมที่สุดที่ควรจะกินผลไม้ คือ ช่วงเช้าของทุกวัน ตั้งแต่ตอนตื่นจนถึงเที่ยง เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายสะสมพลังงานไว้เต็มเปี่ยมตลอดคืน   ดังนั้นเวลาตื่นจะเป็นช่วงที่ร่างกายสดชื่นที่สุด จึงไม่ควรจะสูญเสียพลังงานที่มีค่าของวันนี้ไปเปล่าๆ กับการย่อยอาหารนานๆ แต่การกินผลไม้ที่ใช้พลังงานในการย่อยต่ำจะช่วยให้เรามีพลังงานเหลือเฟือไว้ใช้ประโยชน์กับกิจกรรมอื่นๆ ของชีวิต และดูดซึมสารอาหารที่ควรจะได้รับอย่างเต็มที่  รวมทั้งได้กากใยช่วยขับของเสียที่สะสมมาจากวันก่อน ทั้งมีส่วนช่วยให้น้ำหนักลดลง โดยที่ในช่วงเวลาดังกล่าวเราสามารถกินผลไม้ได้มากเท่าที่อยากกิน และเว้นระยะประมาณสักครึ่งชั่วโมงจึงค่อยกินอาหารมื้อกลางวัน หากทำแบบนี้ได้เป็นประจำ ร่างกายเราก็จะได้รับสารอาหารสำคัญจากผลไม้เต็มที่ ช่วยให้เราคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวได้ดี มีอายุยืน สุขภาพดี กระชุ่มกระชวย อยู่เสมอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น