ความรู้เกี่ยวกับ : ใครอยากผอม ,หุ่นดี , สุขภาพดี อย่างถูกวิธี (ทฤษฏี (ไม่) ใหม่..ยิ่งกินเยอะ น้ำหนักยิ่งลด!!!!!).
โดย : นางสาวอมรัตน์ ราชการดี นักวิชาการคลังชำนาญการ
คุณลิขิต (จด-ประมวล-กลั่นกรอง)
นายกฤษฎา ว่องวิญญู
ตำแหน่ง : นักวิชาการคลังปฏิบัติการ
คุณเคยแปลกใจไหม? ว่ายิ่งไดเอทเท่าไหร่ก็ไม่เคยผอมได้ในระยะยาว หรือแม้น้ำหนักลดแล้วก็กลับมา อ้วนอีก บางทีเราอาจลดน้ำหนักผิดวิธี หรือรู้เรื่องโภชนาการที่ผิดๆ อยู่ก็ได้ ดังนั้นเรามีคำแนะนำดีๆ มาฝากค่ะ
1. อย่าอดอาหาร ทานอาหารได้ทุกชนิด ทานให้ครบทุกมื้อ เน้นโปรตีน เพราะโปรตีนมีสารที่เรียกว่ากลูคาร์กอน ซึ่งทำหน้าที่ทำให้น้ำตาลในเลือดขับออกมาใช้เป็นกลูโคส และทำหน้าที่ตรงกันข้ามกับอินซูลินที่เอาน้ำตาลในเลือดมาเป็นไขมัน ในการทานโปรตีนจะทำให้เราสามารถขับของเก่าออกไปได้ด้วย แต่ถ้าเน้นคาร์โบไฮเดรตก็จะมีแต่ไขมันส่วนเกิน
2. อย่าเน้นทานแต่ผักและผลไม้ ที่จริงการเน้นทานแต่ผักผลไม้ที่มีเกลือแร่สูง ซึ่งที่จริงก็สามารถ ช่วยให้น้ำหนักลดได้ แต่น้ำหนักที่หายไปนั้นทำให้ร่างกายหลวม หน้าตอบ ตัวย้วย ไม่สดชื่น เพราะไม่มีโปรตีนไปเสริมสร้างให้กล้ามเนื้อแข็งแรง
3. มื้อเช้าอย่าทานแต่ขนมปังกับน้ำผลไม้เท่านั้น จะยิ่งทำให้อ้วนกว่าเดิม เพราะกลุ่มคาร์โบไฮเดรต ใช้เวลาย่อยแค่ 40 นาที ให้อยู่ในรูปของกลูโคส ซึ่งกลูโคสจะเข้าสู่เซลล์เพื่อเผาผลาญพลังงานเองไม่ได้ จึงต้องใช้อินซูลีนจากตับอ่อนพากลูโคสเข้าสู่กล้ามเนื้อเพื่อเผาผลาญเป็นพลังงาน ยิ่งถ้าเราไม่ได้ออกกำลังกายกลูโคสก็จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันและสะสมอยู่ในร่างกาย เมื่อคาร์โบไฮเดรตย่อยเร็ว ร่างกายก็จะอยากทานอาหารเร็วมากขึ้น แต่ถ้าเราทานโปรตีนควบคู่ด้วยในตอนเช้าร่างกายจะค่อยๆ ย่อยโดยใช้เวลาย่อยประมาณ 3 ชั่วโมง ก็จะทำให้กลูโคสไม่สูงจนเกินไป ถ้าใครจะทางขนมปังกับนมก็ควรเพิ่มไข่เข้าไปด้วย ซึ่งการทานไข่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ในไข่มีคอเลสเตอรอล HDL ซึ่งดีต่อร่างการที่ได้จากการออกกำลังกายและแหล่งอาหาร สามารถทานได้วันละ 1-2 ฟอง ส่วนผู้สูงอายุที่ไม่ได้เป็นโรคหัวใจทานได้วันละ 1 ฟอง
4. การทานส้มตำเพื่อเป็นการลดความอ้วนนั้น กลายเป็นอาหารที่ทำให้ช่วงต้นขาใหญ่ เพราะความเค็มในส้มตำหรืออาหารเค็มจะมีโซเดียม ซึ่งจะอุ้มน้ำแล้วเข้าไปสู่ตับ แล้วจะถูกเก็บไปไว้ที่ช่วงล่างทำให้เกิดการบวม ดังนั้น ควรเลือกทานอาหารที่ไม่เค็มมาก
5. สำหรับมื้อเที่ยงถ้าทานก๋วยเตี๋ยวให้ใส่ผัก กับ เนื้อเยอะๆ แต่เส้นน้อยๆ ส่วนใครที่ชอบทานขนมจีนแกงเขียวหวาน กะทิจะทำให้เกิดการเผาผลาญเพิ่มขึ้นและอยู่ท้อง ทำให้อิ่มนาน และขอให้ใส่ขนมจีนน้อยๆ
6. สำหรับมื้อเย็น ขอให้ทานปกติ แต่ถ้าใครอยากให้หน้าท้องยุบควรทานโปรตีนเยอะๆ เพราะ ร่างการซ่อมแซมกล้ามเนื้อในช่วงเวลานอนถึง 70% เมื่อฮอร์โมนการเจริญเติบโตหลั่ง ก็จะนำพลังงานเก่าออกมาใช้ขณะซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ยิ่งนอนมากร่างกายจะผอมลงมาก เพราะฮอร์โมนจะมากตาม แต่หากทานผักก่อนนอน ร่างกายจะซ่อมแซมตัวเองได้ยาก
ดังนั้น ร่างกายของคนเราต้องการโปรตีนอยู่ตลอดเวลา และเราต้องใช้สมองอยู่เสมอ เซลล์สมองต้องใช้โปรตีน ทั้งน้ำย่อยต่างๆ อย่างกลูคาร์กอนก็ต้องการโปรตีน อีกทั้ง ภูมิคุ้มกันของร่างกายก็ทำจากโปรตีน ทุกอย่างสร้างอยู่ตลอดเวลา โปรตีนเมื่อย่อยแล้วร่างกายยังไม่ได้นำมาใช้เป็นพลังงาน แต่จะถูกเก็บไว้เป็นพลังงานสำรอง เมื่อคาร์โบไฮเดรตถูกย่อยแล้วร่างกายจะนำมาใช้ และใครที่กำลังคิดลดความอ้วนด้วยการงดอาหารบางหมู่ จึงถือว่าเป็นการทำร้ายร่างกายโดยตรง แต่การเลือกผอมด้วยการลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตลง จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
ที่ใช้ได้ผล ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่า กล้าพอที่จะเปลี่ยนแปลงทัศนคติในการลดความอ้วนได้หรือเปล่า
ที่มาของบทความ เภสัชกรหญิง นันทวดี พิทยาพิบูลพงศ์ จาก บอดี้ ลิฟท์ อัฟ
โดย : นางสาวอมรัตน์ ราชการดี นักวิชาการคลังชำนาญการ
คุณลิขิต (จด-ประมวล-กลั่นกรอง)
นายกฤษฎา ว่องวิญญู
ตำแหน่ง : นักวิชาการคลังปฏิบัติการ
คุณเคยแปลกใจไหม? ว่ายิ่งไดเอทเท่าไหร่ก็ไม่เคยผอมได้ในระยะยาว หรือแม้น้ำหนักลดแล้วก็กลับมา อ้วนอีก บางทีเราอาจลดน้ำหนักผิดวิธี หรือรู้เรื่องโภชนาการที่ผิดๆ อยู่ก็ได้ ดังนั้นเรามีคำแนะนำดีๆ มาฝากค่ะ
1. อย่าอดอาหาร ทานอาหารได้ทุกชนิด ทานให้ครบทุกมื้อ เน้นโปรตีน เพราะโปรตีนมีสารที่เรียกว่ากลูคาร์กอน ซึ่งทำหน้าที่ทำให้น้ำตาลในเลือดขับออกมาใช้เป็นกลูโคส และทำหน้าที่ตรงกันข้ามกับอินซูลินที่เอาน้ำตาลในเลือดมาเป็นไขมัน ในการทานโปรตีนจะทำให้เราสามารถขับของเก่าออกไปได้ด้วย แต่ถ้าเน้นคาร์โบไฮเดรตก็จะมีแต่ไขมันส่วนเกิน
2. อย่าเน้นทานแต่ผักและผลไม้ ที่จริงการเน้นทานแต่ผักผลไม้ที่มีเกลือแร่สูง ซึ่งที่จริงก็สามารถ ช่วยให้น้ำหนักลดได้ แต่น้ำหนักที่หายไปนั้นทำให้ร่างกายหลวม หน้าตอบ ตัวย้วย ไม่สดชื่น เพราะไม่มีโปรตีนไปเสริมสร้างให้กล้ามเนื้อแข็งแรง
3. มื้อเช้าอย่าทานแต่ขนมปังกับน้ำผลไม้เท่านั้น จะยิ่งทำให้อ้วนกว่าเดิม เพราะกลุ่มคาร์โบไฮเดรต ใช้เวลาย่อยแค่ 40 นาที ให้อยู่ในรูปของกลูโคส ซึ่งกลูโคสจะเข้าสู่เซลล์เพื่อเผาผลาญพลังงานเองไม่ได้ จึงต้องใช้อินซูลีนจากตับอ่อนพากลูโคสเข้าสู่กล้ามเนื้อเพื่อเผาผลาญเป็นพลังงาน ยิ่งถ้าเราไม่ได้ออกกำลังกายกลูโคสก็จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันและสะสมอยู่ในร่างกาย เมื่อคาร์โบไฮเดรตย่อยเร็ว ร่างกายก็จะอยากทานอาหารเร็วมากขึ้น แต่ถ้าเราทานโปรตีนควบคู่ด้วยในตอนเช้าร่างกายจะค่อยๆ ย่อยโดยใช้เวลาย่อยประมาณ 3 ชั่วโมง ก็จะทำให้กลูโคสไม่สูงจนเกินไป ถ้าใครจะทางขนมปังกับนมก็ควรเพิ่มไข่เข้าไปด้วย ซึ่งการทานไข่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ในไข่มีคอเลสเตอรอล HDL ซึ่งดีต่อร่างการที่ได้จากการออกกำลังกายและแหล่งอาหาร สามารถทานได้วันละ 1-2 ฟอง ส่วนผู้สูงอายุที่ไม่ได้เป็นโรคหัวใจทานได้วันละ 1 ฟอง
4. การทานส้มตำเพื่อเป็นการลดความอ้วนนั้น กลายเป็นอาหารที่ทำให้ช่วงต้นขาใหญ่ เพราะความเค็มในส้มตำหรืออาหารเค็มจะมีโซเดียม ซึ่งจะอุ้มน้ำแล้วเข้าไปสู่ตับ แล้วจะถูกเก็บไปไว้ที่ช่วงล่างทำให้เกิดการบวม ดังนั้น ควรเลือกทานอาหารที่ไม่เค็มมาก
5. สำหรับมื้อเที่ยงถ้าทานก๋วยเตี๋ยวให้ใส่ผัก กับ เนื้อเยอะๆ แต่เส้นน้อยๆ ส่วนใครที่ชอบทานขนมจีนแกงเขียวหวาน กะทิจะทำให้เกิดการเผาผลาญเพิ่มขึ้นและอยู่ท้อง ทำให้อิ่มนาน และขอให้ใส่ขนมจีนน้อยๆ
6. สำหรับมื้อเย็น ขอให้ทานปกติ แต่ถ้าใครอยากให้หน้าท้องยุบควรทานโปรตีนเยอะๆ เพราะ ร่างการซ่อมแซมกล้ามเนื้อในช่วงเวลานอนถึง 70% เมื่อฮอร์โมนการเจริญเติบโตหลั่ง ก็จะนำพลังงานเก่าออกมาใช้ขณะซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ยิ่งนอนมากร่างกายจะผอมลงมาก เพราะฮอร์โมนจะมากตาม แต่หากทานผักก่อนนอน ร่างกายจะซ่อมแซมตัวเองได้ยาก
ดังนั้น ร่างกายของคนเราต้องการโปรตีนอยู่ตลอดเวลา และเราต้องใช้สมองอยู่เสมอ เซลล์สมองต้องใช้โปรตีน ทั้งน้ำย่อยต่างๆ อย่างกลูคาร์กอนก็ต้องการโปรตีน อีกทั้ง ภูมิคุ้มกันของร่างกายก็ทำจากโปรตีน ทุกอย่างสร้างอยู่ตลอดเวลา โปรตีนเมื่อย่อยแล้วร่างกายยังไม่ได้นำมาใช้เป็นพลังงาน แต่จะถูกเก็บไว้เป็นพลังงานสำรอง เมื่อคาร์โบไฮเดรตถูกย่อยแล้วร่างกายจะนำมาใช้ และใครที่กำลังคิดลดความอ้วนด้วยการงดอาหารบางหมู่ จึงถือว่าเป็นการทำร้ายร่างกายโดยตรง แต่การเลือกผอมด้วยการลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตลง จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
ที่ใช้ได้ผล ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่า กล้าพอที่จะเปลี่ยนแปลงทัศนคติในการลดความอ้วนได้หรือเปล่า
ที่มาของบทความ เภสัชกรหญิง นันทวดี พิทยาพิบูลพงศ์ จาก บอดี้ ลิฟท์ อัฟ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น